วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความสำคัญของช่วงวัยรุ่นในทรรศนะอิสลาม


الله الّّذي خلقكم من ضُعفٍ قوّة ثمّ جعل من بعد قوة ضعفا و شيبة لخلق ما يشاء و هو العليم القدير

" อัลลอฮ์ ทรงบันดาลพวกเจ้าโดยเริ่มมาจากความอ่อนแอ หลังจากนั้น ทรงบันดาล ความแข็งแรง ภายหลังความอ่อนแอ แล้วก็ทรงบันดาล ความอ่อนแอ และความหงอก ภายหลัจากความแข็งแรง พระองค์ทรงบันดาลสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงเดชานุภาพยิ่ง" (ซูเราะห์ รูม อายะห์ที่ 54)
อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงกล่าวถึงลำดับขั้นการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ลำดับดังนี้

1. วัยเด็ก (ความอ่อนแอ)
2. วัยรุ่น (ความแข็งแรง)
3. วัยชรา (ความอ่อนแอ)
ซึ่งแต่ละลำดับขั้นแห่งการดำเนินชีวิตนี้ มนุษย์ทุกๆคนต้องผ่านขั้นตอนการดำเนินชีวิต ดังกล่าวนี้เหมือนกันทุกคน. เนียะอ์มัตและความโปรดปรานที่พระองค์ทรงมอบให้นั้น อยู่ในช่วงของความแข็งแรง คือในช่วงของความเป็นวัยรุ่น วัยรุ่น เป็นวัยที่เต็มไปด้วยกำลัง และความสามารถรอบด้าน ทั้งความคิด และความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นอันสูงสุดนั้น ได้รวมอยู่ในวัยนี้

วัยรุ่น เป็นวัยที่กล่าวได้ว่า เปรียบเสมือนการมีทุนก้อนโตอยู่ในมือ และพร้อมที่จะกระทำงานหนึ่งงานใด ด้วยกับทุนก้อนนี้ และจำเป็นต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากทุนที่มีอยู่ในมือ ไม่ได้ความสำคัญ ก็ไม่สามารถที่จะใช้ทุนนี้ ให้เกิดประโยชน์ได้.
ในการใช้จ่ายทุนรอนที่สำคัญนี้ แน่นอนจำเป็นต้องคิด และพิจารณาว่าจะต้องใช้จ่ายทุนก้อนนี้ไปในทางใด ถึงจะเหมาะสม และเกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ถ้าหากการใช้จ่าย โดยไม่มีการวางแผน ควบคุมในการใช้ แน่นอนที่สุด ทุนก้อนนี้ก็อาจจะละลายหายไป โดยที่ไม่มีสิ่งเกิดประโยชน์เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย. เช่นเดียวกัน วัยรุ่น เป็นวัยที่พระองค์ทรงประทานโอกาส เพื่อแสวงหาความสำเร็จ ซึ่งความสำเร็จที่ อิสลามได้ให้การสนับสนุนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จที่มีอยู่ในโลกนี้เท่านั้น แต่ความสำเร็จที่อิสลามได้ให้กับมนุษย์ทุกๆคนแสวงหาคือ ความสำเร็จทางโลกหน้า นั่นคือความสำเร็จที่แท้จริง.
บุคคลที่อยู่ในช่วงวัยนี้ ในทรรศนะของอิสลาม ถือเป็นสิ่งจำเป็นหากเราต้องศึกษา และรู้จักตัวเราเอง การรู้จักตัวเอง ไม่ได้หมายความว่า ให้เรารู้เพียงอย่างเดียวว่า เราเป็นใคร? แต่การรู้จักตัวเองในที่นี้ หมายถึง การรู้ว่า ในวัยนี้ มีความสำคัญมากน้อยแค่ใหน? และควรที่จะทำอะไร?

อิมามอะลี (อ) กล่าวว่า شيئان لا يعرف فضلهما الا من فقدهما : الشباب و العافية
"มีสองสิ่ง ที่คุณค่าของมัน จะถูกรู้จักก็ต่อเมื่อ สูญเสียทั้งสองสิ่งนี้ไป สิ่งแรกคือ ช่วงวัยรุ่น และสิ่งที่สองคือ ร่างกายที่สมบูรณ์"
(ฆุรอรุ้ลหิกัม หน้าที่ 449)
ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล) กล่าวว่า
انّ العبد لا تزول قدماه يوم القيامة حتي يسائل عن عمره فيما افناه و عن شبابه فيما ابلاه
"ในวันกิยามัต จะไม่มีบ่าวคนใด ถูกละเว้น จนกว่าจะตอบคำถามทั้งสองคำถามนี้ :
- ชีวิตของเขาถูกใช้ไปอย่างไร?
- ช่วงวัยรุ่นของเขาถูกใช้ไปอย่างไร?
ดังนั้น เมื่อได้รู้ถึงความสำคัญ และคุณค่าแห่งวัย สิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำคือ การแสวงหาประโยชน์ การตักตวงโอกาส ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงประทานให้กับมนุษย์ทุกๆคน โดยผ่านในวัยนี้. แน่นอนที่สุด มีหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรค ในการแสวงหาความสำเร็จ เช่น ความสวยงาม และอารมณ์ ที่มาพร้อมกับการเจริญเติบโตของวัยรุ่น แต่หากศึกษาอย่างถ่องแท้ อิสลามได้วางแนวทางในการที่จะผ่านอุปสรรคดังกล่าวนี้ไว้อย่างรัดกุม เช่น ความงามที่ทุกคนมี อิสลามได้บอกถึงวิธีการแต่งกายที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย. การแสดงความงดงามที่ตนมีต่อสายตาภายนอก อิสลามได้วางแนวทางการปฏิบัติอย่างรัดกุมไว้เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการพบปะกันระหว่างหญิงชาย ที่สามารถแต่งงานกันได้.ซึ่งข้อปฏิบัติดังกล่าวนี้ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรัดกุม เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย ที่ไม่ถูกต้องตามประเพณี ปัญหาการคุกคามทางเพศ และปัญหาความเสื่อมทรามของสังคม.

โดยปกติ ในช่วงวัยนี้เป็นวัยที่ให้ความสำคัญต่อรูปร่างและหน้าตาของตนเองเป็นพิเศษ การดูแลตนเอง ให้มีความสะอาด และเรียบร้อยนั้น อิสลามไม่ได้ปิดกั้น และยังสนับสนุนการปฏิบัติดังกล่าวอีกด้วย.
อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงตรัสไว้ในโองการหนึ่งว่า :
قل من حرّم زينة الله الّتي اخرج لعباده
"จงประกาศเถิด! บุคคลใดเล่าที่ (จะกล้า) วางกฎห้าม เครื่องประดับของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงนำออกมาให้แก่บ่าวของพระองค์" (อะอ์รอฟ อายะห์ที่ 32)

และอีกรายงานหนึ่ง จากการปฏิบัติของท่านอิมามหะซัน(อ) ทุกๆครั้งเมื่อเข้าเวลานมาซ ท่านจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด และตกแต่งตัวเองก่อนเสมอ บุคคลหนึ่ง ถามท่านจากการปฏิบัตินั้น ท่านกล่าวตอบว่า "อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงงดงาม และพระองค์ทรงชอบความสยงาม ดังนั้น เมื่อฉันใกล้ชิดยังพระองค์ จึงต้องจัดแต่งตนเองให้สวยงาม"
และอีกรายงานหนึ่งจากท่านอิมามซอดิก(อ) กล่าวว่า เมื่อชายคนหนึ่งมาหาท่าน และต้องการที่จะพบกับท่าน ในขณะที่ท่านกำลังจะออกไปพบกับเขา ท่านยืนอยู่ข้างอ่างใส่น้ำใบใหญ่ และจัดแต่งทรงผม และใบหน้าของท่านอย่างเรียบร้อย. พระนางอาอิชะฮ์ เมื่อเห็นดังนั้นรู้สึกแปลกใจ และถามกับท่านรอซูล(ซ.ล) ว่า "เวลาที่ท่านจะออกไปพบปะใคร ท่านต้องไปยืนอยู่ข้างอ่างใส่น้ำ และจัดแต่งทรงผม และใบหน้าของท่านอย่างเรียบร้อยเล่า?
ท่านกล่าวตอบว่า "อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงชอบการตกแต่งตัวเอง ก่อนที่เขาจะไปพบกับพี่น้องมุสลิมของเขา".(มะการิมุ้ลอัคลาก หน้าที่ 51)

ความงดงามที่กล่าวถึง อิสลามมิได้ให้ความสำคัญเพียงความงามภายนอกเท่านั้น แต่ความงามภายในอิสลามถือเป็นเรื่องสำคัญ และถือเป็นสิ่งคุณค่ามากกว่าความงามภายนอก ดังนั้น หากวัยรุ่นคนหนึ่ง ความงดงามของเขที่มีอยู่แล้ว และประดับประดาตนเองด้วยกับจริยธรรมมารยาทที่ดีงามด้วยแล้ว นั่นคือความงามที่สมบูรณ์ ณ อัลลอฮ์ (ซ.บ)
โดยแท้จริงความงดงามของจิตใจ และความปราถนาในคุณงามความดีทั้งหลายนั้น มีคู่กับมนุษย์ทุกๆคน มาตั้งแต่เกิด ถือได้ว่า เป็นสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ก็ว่าได้ แต่การที่จะให้ความงดงามดังกล่าวนั้น อยู่คู่กับมนุษย์ไปตลอดถือเป็นเรื่องยาก และจำเป็นต้องได้รับการปลูกฝัง และการชี้นำอย่างดี.
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะลืมได้เลยเมื่อกล่าวถึงวัยรุ่น นั่นคือ วัยแห่งโอกาส เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เมื่อรู้ว่ามีโอกาสก็ต้องรีบตักตวง เพื่อให้ได้ประโยชน์กับตนเองให้มากที่สุด แต่น้อยคนนัก ที่จะมองโอกาสของชีวิต ซึ่งโอกาสที่มีคุณค่ายิ่งของชีวิต ในทรรศนะของอิสลาม ไม่ใช่โอกาสที่มนุษย์แสวงหาความสะดวกสบายให้กับชีวิตเท่านั้น เพราะความสบายดังกล่าวนั้น เป็นความสบายเพียงภายนอก แต่โอกาสที่แท้จริงคือโอกาสของชีวิตนั่นคือ ช่วงวัยรุ่นที่พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานไว้อย่างมากมาย ทั้งกำลังความสามารถ ความกระตือรือร้น และสติปัญญาที่พร้อม ดังนั้น โอกาสที่ตักตวงไม่เพียงแต่กำลังความสามารถที่ใช้ไปกับการงานอย่างเดียว การปฏิบัติต่อพระองค์ และการใกล้ชิดยังพระองค์นั้น ก็ถือเป็นโอกาสที่มีคุณค่าที่สุด เพราะเมื่อผ่านพ้นวัยนี้ ความอ่อนแอที่เข้ามาคือความเฉื่อยชา และความเมื่อยล้า ความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความใกล้ชิดยังพระองค์นั้น น้อยมาก แต่การสะสมไว้ตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่น เป็นทุนสร้างความรักในการปฏิบัติที่จะเข้าหาพระองค์อย่างจริงใจและบริสุทธิ์. สิ่งสำคัญที่จะทำให้โอกาสนี้ได้ใช้อย่างเกิดประโยชน์คือ การรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความหมดหวัง และความกังวลในภายหลัง เพราะผู้ที่รู้จักหน้าที่ของตน และความรับผิดชอบของตนเอง ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม เขานั้น จะมีคำถามให้กับตนเองอยู่เสมอว่า "ตอนนี้จะต้องทำอะไร?"และเขาจะเป็นผู้ได้รับความสำเร็จจากสิ่งที่เขากระทำ โดยไม่จำเป็นต้องเกิดความวิตกกังวลในการปฏิบัติการงานของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ในทางกลับกัน ความกังวลและความวิตกจะเกิดขึ้นกับบุคคล บุคคลนั้นอย่างแน่นอน หากเขาไม่รู้ว่า เขามีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไร ? ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่า วัยรุ่นทุกวันนี้ประสบกับปัญหาเรื่องความวิตกกังวล เป็นส่วนใหญ่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น