วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

ฐานะของสตรีในโลกทัศน์อิสลาม(3)



بسم الله الرحمان الرحيم



ในประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกถึงประวัติของเหล่าบรรดาสตรีผู้ดีเด่นและผู้ทรงคุณธรรมจำนนมากมาย และสำหรับสตรีที่มีตำแหน่งและความสูงส่งเหนือกว่าเหล่าบรรดาสตรีทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นคือ ท่านหญิงคอดิญะห์ เป็นภริยาคนแรกขอท่านศาสดา มุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และเป็นภริยาผู้เป็นที่รักที่สุด นางเป็นสตรีท่านแรกที่เชื่อในความเป็นศาสดาของท่าน และนางได้พิสูจน์ให้เห็นการสนับสนุนที่มั่นคงต่อท่าน ในช่วงปีที่เผชิญกับความยุ่งยากลำบากครั้งแรกในภารกิจแห่งการเป็นศาสดาของท่าน. ท่านที่สองคือท่านหญิง ฟาติมะห์ (ซ)เป็นบุตรีของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และเป็นภริยาของท่านอะลี และเป็นมารดาของอิมาม ฮะซัน ฮุเซน. สตรีผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับบรรดาสตรีทั้งหลาย. ท่านที่สามคือพระนางอาซิยะห์ นางคือ ภรรยาของฟิรอูน ที่กดขี่ข่มเหง และสถาปนาตนเองเปรียบเสมือนพระเจ้าของบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลาย พระนางอาซิยะห์ เป็นผู้ที่รักและให้การศรัทธาต่อความเป็นเอกภาพของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) โดยไม่สั่นคลอน และหวาดกลัวต่อการกระทำของฟิรอูนเลยแม้แต่น้อย. และท่านสุดท้ายคือ ท่านหญิงมัรยัม มารดาของท่านนบีอีซา (อ) นางซึ่งได้บรรลุถึงระดับทางจิตวิญญาณอันสูงส่ง พระนางคือผู้ภักดีและเป็นบ่าวที่สูงส่งของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก.
ทรรศนะในการดูถูกและเหยียดหยามศักดิ์ศรีของบรรดาสตรีนั้น อิสลามได้ทำการรณรงค์ และยืนหยัดแสดงถึงความจริง และความถูกต้องในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบรรดาสตรีทั้งหลาย และยังให้เกียรติในสถานภาพของพวกนาง ซึ่งหน้าที่อันประเสริฐยิ่งที่บรรดาสตรีนั้นมีคือ หน้าที่ของมารดา หน้าที่ของภริยา รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิงย่อมไม่มีความแตกต่างกัน.
ในอีกทรรศนะหนึ่งที่จะขอกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องของการละเว้นการใช้ชีวิตครอบครัว ในบางศาสนาถือว่าเพศสัมพันธ์โดยเนื้อแท้แล้วไม่สะอาด ตามการปฏิบัติของผู้ที่ยึดถือตามศาสนาเหล่านี้ถือว่า เฉพาะบุคคลที่ใช้ชีวิตโดยไม่เกี่ยวข้องกับเพศคู่นั้น จะสามารถบรรลุถึงฐานะทางจิตวิญญาณอันสูงส่งได้ท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติของความเป็นมนุษย์นั้นการใช้ชีวิตอย่างสันโดษ และขัดกับตัวตนของความเป็นมนุษย์นั้น แน่นอนย่อมเกิดอุปสรรค และต้องใช้ชีวิตอย่างอดกลั้น อย่างหนักหน่วง และอาจจะสูญเสียการควบคุมตนเองลงไปได้ ฉะนั้น มันจะเป็นการดีกว่าหากการดำรงชีวิต เป็นไปตามธรรมชาติตัวตนอันแท้จริงของมนุษย์.
อิสลามได้ถือว่า การสมรสนั้นเป็นสิ่งที่ดี และการครองชีวิตโดยไม่สมรสนั้นเป็นการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์.
อิสลามได้วางบทบัญญัติระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ และข้อจำกัดต่างๆในส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้เพื่อเหตุผลต่างๆ ทางสังคมแต่อิสลามไม่เคยพิจารณาว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องของความไม่สมควรและเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ.
ในหลายๆเรื่องที่อิสลามมีคำอธิบายและได้ชี้แจงอย่างเด่นชัด โลกและชั้นฟ้า,หมู่เมฆและลมชนิดต่างๆ,พืชพันธุ์และสัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมนุษย์ อิสลามไม่เคยกล่าวว่า สตรีถูกสร้างมาเพื่อบุรุษ แต่อิสลามกลับบอกว่า บุรุาและสตรีนั้น แต่ละฝ่ายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเกื้อกูลต่อกัน
هُنَّ لباسُ لکُم وَ انتُم لباسُ لهُنَّ
“นางทั้งหลายเป็นอาภรณ์สำหรับสูเจ้า (ผู้ชาย) และสูเจ้าก็เป็นอาภรณ์สำหรับนางทั้งหลาย” ซูเราะห์ 2 อายะห์ 187
สิ่งที่อิสลามได้ชี้แจง และวางกฏเกณฑ์ไว้นั้น มิได้หมายความถึงการตีกรอบที่ไร้ซึ่งความหมาย แต่อิสลามได้วางฐานการดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์ไว้ให้กับมนุษย์ โดยความสมบูรณ์ที่มนุษย์จะได้รับนั้น ย่อมต้องได้มาซึ่งการชี้นำจากผู้ที่สร้างมัน.